
มาถึงเดือนมกราคม เราก็เริ่มคุยกันเรื่องจัดงาน Agile Thailand 2014 (เรียกกันว่า ATH2014 แล้วกันนะ) ก็เลยอยากจะคุยกันหน่อยว่าอยากให้งานนี้เป็นยังไงบ้าง และผมก็มีความฝันส่วนตัวเกี่ยวกับงานนี้ในอนาคต
แต่เนื่องการจัดงานนี้ทั้งหมดเป็น self-managed ตั้งแต่ต้นจนจบ (เราภูมิใจมากกับสโกแกนไม่เป็นทางการว่า ใช้อไจล์จัดงานอไจล์) ดังนั้นเลยไม่มีหัวหน้างาน นายใหญ่ หรือ ท่านผู้นำอะไรทั้งนั้น ในฐานะคนที่เริ่มจัดงานของ Agile66 มาตั้งแต่งานแรกจนถึงงานนี้ ถึงจะแม้ว่าผมนับเป็น “รุ่นเก่า” ก็ไม่สามารถกำหนดเด็ดขาดถึงรูปแบบของงานนี้ได้ ขึ้นอยู่กับทีมทั้งหมดว่าจะตัดสินใจให้มันเป็นอย่างไรต่อไป แต่ผมมีข้อเสนอครับ
และนี่คือข้อเสนอของงาน Agile Thailand 2014, #ATH2014 ในฝันของผม
Identity ชัดเจน
สิ่งที่น่าดีใจคือปีๆ หนึ่งเราช่วยจัดงานหลักอย่างน้อยๆ สามงานด้วยกัน อันนี้แบบที่ช่วยจัดเป็นทางการเลยนะ ไม่นับอันที่ไปแจม ไปป่วน
- Agile Thailand – อันนี้เริ่มมาจากความอยากปล่อยพลังของทีมงาน Agile66 เอง จัดครั้งแรกปี 2012 อไจล์ล้วนๆ อย่างอื่นไม่เกี่ยว จัดตอนกลางๆปี คนมางานมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าเข้าถูกเหมือนจะให้เข้าฟรี
- Thailand Practical SE – ริเริ่มโดย อ. จิรพันธ์ เป็นเรื่องของวิศวกรรมซอฟต์แวร์ แบบที่เอาคนที่ทำจริงๆ มาพูดให้ฟัง คีย์โน้ตล่าสุดเป็นผู้บริหารจากศูนย์สำรวจระบบสุริยจักรวาลของ นาซ่า มาพูดให้ฟัง เท่มาก มีทั้งคนอไจล์ ไม่อไจล์ แต่เน้นแบบเอาของที่เคยทำมาแชร์ให้ฟัง ครั้งหน้าคงจะเป็นประมาณเดือน 9
- Agile Tour Bangkok – เป็นงานเทศกาลอไจล์ที่จัดพร้อมกันทั่วโลก อันนี้เป็นช่วงปลายปี ประมาณเดือน 12 ข้อดีของการไปร่วมจัดเวลาใกล้ๆ กับประเทศอื่นก็คือ จะมีผู้บรรยายชาวต่างชาติบินมาเยอะมาก ล่าสุดน่าจะเกินครึ่งงาน พูดภาษาอังกฤษกันสนุกสนาน สถาณที่จัดหรูหราอลังการขึ้นเรื่อยๆ เพื่อดึงดูดให้ชาวบ้านเค้าอยากบินมา
สิ่งที่ผมฝันไว้คือ อยากให้แต่ละงานของเรา มีเอกลักษณ์ของตัวเอง มากกว่า เป็นแค่งาน copy-paste รูปแบบต่อๆกันมา มากกว่าเป็นแค่งานมานั่งฟังให้เกิดแรงบันดาลใจกันปีละสามครั้ง
ผมอยากให้เก็บงาน Agile Tour และ TPSE มันเป็นคงรูปแบบของงานที่เป็นอารมณ์ของงานอินเตอร์ หรูหรา ธุรกิจ ทางการ เข้าถึงคนจำนวนมาก เสริมสร้างแรงบันดาลใจ อันนี้ผมว่าดีแล้ว และควรทำอย่างนี้ต่อไป
แต่ผมอยากให้ Agile Thailand เป็นงานแห่งความอบอุ่น ความสนุกสนาน และการแลกเปลี่ยนความรู้อย่างไม่มีขีดจำกัดครับ
Open Space

ขอเสนอให้จัดงานนี้เป็น open space เต็มตัว
ผมไปเจอรูปแบบงานนี้ครั้งแรกตอนงาน Agile Open Northwest 2012 ที่ Seattle ครับ ลักษณะของงานจะง่ายจนน่าตกใจ คือ เราไม่กำหนดไว้ก่อนเลยครับว่าจะมีใครมาพูดเรื่องอะไรล่วงหน้า แต่กำหนดห้องเปล่าๆไว้หลายๆ ห้อง เป็น slot ห้องละประมาณ 30 คน
แล้วถึงวันงาน ก็ให้คนออกมาประกาศกันว่าอยากจะพูดเรื่องอะไร แล้วก็เอากระดาษไปแปะใน slot ที่กำหนด แล้วคนที่เหลือก็เข้าไปดูว่าอยากจะไปทำอะไรเมื่อไหร่
ผมเรียกเองว่า มันเป็นตลาดนัดของการแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจของเรื่องอไจล์ ครับ
ทำไมต้อง open space?
เพราะมันทำให้เกิดอะไรหลายๆ อย่างที่งานอื่นไม่มี จากงาน Agile Open Northwest สิ่งเหล่านี้เป็นของที่ผมเห็นว่ามันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติไม่ต้องมีใครมากำหนดบอกล่วงหน้า
- คนที่อยากพูด ไม่ต้องเตรียมล่วงหน้ามากมาย เอา flipchart มาเขียนๆ อธิบายความเข้าใจตัวเอง เหมือนพูดให้เพื่อนฟัง
- ใครอยากพรีเซนท์แบบเดิมๆ ก็เอา powerpoint มาปิ้งได้ ก็ไปจองห้องที่มันมี projector ซะ
- คนที่อยากรู้เรื่องอะไรมากๆ (เช่น Agile กับ off-shore ทืม ยังไง) แต่ไม่เห็นมีใครพูด ก็เปิดห้องมา แล้วเรียกคนที่สนใจมาจับกลุ่มคุยกัน
- ในงานมีคนนึกสนุก เอา session ที่เค้าเข้าไปฟังมาเขียนเป็น mindmap สวยๆ แปะไว้หน้างาน
- รูปแบบอื่นๆ ก็มีหลากหลายมาก เล่นเกม workshop เขียนโค้ดให้ดู ติว tdd กลุ่มใหญ่ ทดลองเล่น pair programming คนมางานจัดกันเองหมด
- บางคนก็เอาเกมอไจล์มาเล่น ผมได้ไปเล่นเรื่อง dot game ก็จากงานนี้
งานแบบนี้เปลี่ยนให้งานประชุมเป็นของทุกคน ไม่ยึดติดกับรูปแบบแค่ผู้พูด-ผู้ฟัง คุณอยากฟังอะไร คุณอยากพูดอะไร คุณอยากให้มีอะไร คุณมีสิทธิและอำนาจทั้งหมดที่จะทำให้มันเป็นงานอย่างที่คุณอยากให้มันเเป็น
จงทำให้มันเกิดขึ้น
ความอบอุ่น และ open space

ผมขอมั่วเข้าข้างตัวเองว่า งาน Agile Thailand 2012 เป็นงานอไจล์ที่อบอุ่นที่สุดในโลก
มันเป็นงานครั้งแรกของเรา ที่เราเริ่มจากอะไรง่ายๆ จากทุกอย่างที่มีอยู่ ไม่ต้องมีอะไรมากมาย ไม่ต้องคิดถึงแขกบ้านแขกเมือง เชิญคนนั้นคนนี้ หรือต้องมีประชาสัมพันธ์ยิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่ารูปแบบเป็นงานประชุมปกติ มีคนพูด-คนฟัง มีแต่พวกเรากันเองมานั่งพูดคุยเล่าเรื่องกันให้ฟัง มันให้อารมณ์เหมือนนั่งกินข้าวคุยกัน แล้วก็เจรจาถกเถียงกัน
มันอาจจะเข้าใจยาก และอธิบายยาก แต่ผมเรียกปัจจัยที่จับต้องไม่ได้นี้ว่า ความอบอุ่น นะ และไม่ว่างาน ATH จะโตขึ้นเท่าไหร่ หรือ จะเป็นอย่างไร ก็อยากให้เก็บสิ่งเหล่านี้ไว้
และถ้างานนี้เป็น open space ผมคิดว่าเราตอบโจทย์นี้ได้ ด้วยรูปแบบที่เราเอื้อให้ทุกคน ถอดยศ ตัวเองเก็บไว้ที่บ้านครับ ที่ทำงานเคยเป็นใครใหญ่แค่ไหน มางานนี้กลายเป็นผู้ร่วมงานคนหนึ่ง เหมือนกับทุกๆ คน อยากรู้ อยากถาม อยากแบ่งปันอะไร อยากให้มีอะไร ทำให้โดยไม่ต้องกลัวครับ ทุกคนมีสิทธิจะพูดและทำเหมือนกัน เวทีไม่ใช่เป็นแค่ของคนไม่กี่คนที่กำหนดไว้
นั่งล้อมวงกัน แล้วจัดมาได้เลย
ปล. ใครไม่เชื่อว่าความอบอุ่นมีจริงลองไปดูใน อัลบั้มรูปงาน Agile Thailand 2012 ได้
Success Criteria
งานนี้จะสำเร็จยิ่งใหญ่มากน้อยแค่ไหน ผมคิดว่ามีตัวชี้วัดหลักที่จะถามจากคนเข้างาน แค่สามข้อเอง
- มางานนี้แล้วได้ทำอะไรตรงกับที่อยากจะได้ทำหรือไม่ (1 – 5 ดาว)
- มางานนี้แล้วได้เรียนรู้อะไรตรงกับที่อยากจะได้เรียนรู้หรือไม่ (1 – 5 ดาว)
- มางานนี้แล้วรู้สึกอบอุ่นแค่ไหน (1-5 ดาว)
สรุปนะ
ผมฝันว่า Agile Thailand จะเป็นตลาดนัดของความรู้เรื่องอไจล์ครับ ของคนที่มีความรู้ และคนที่อยากจะรู้ มาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันอย่างอบอุ่นเป็นกันเองอย่างไม่มีขีดจำกัด
#ATH2014 #openspace #ตลาดนัดความรู้ #อบอุ่น #กันเอง #คุณกำหนดได้
References
เครดิตรูปขอบคุณช่างภาพทุกคนที่อัพโหลดเข้าคลังรูปของ Agile66 ครับ
มีอะไรเพิ่มเติม เสนอแนะ ติชม หรือ สงสัยอะไรเป็นพิเศษอยากให้ขยาย บอกมาในคอมเมนท์ได้เลยครับ